รู้ทัน “ฝ้า” ป้องกันก่อนเกิดดีกว่าแก้ตอนสาย!

young beautiful model posing

ฝ้า ปัญหาผิวที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ก็หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่มีโอกาสเกิดฝ้าได้มากกว่าผู้ชาย ดังนั้นวันนี้ Plantnery จะขอพาทุกคนมารู้จัก “ฝ้า” กันให้มากขึ้นว่าฝ้าคืออะไร พร้อมบอกสาเหตุของการเกิดฝ้า ชนิดของฝ้า วิธีป้องกันฝ้าและวิธีการรักษาฝ้าให้ลดเลือนลงที่สามารถทำได้ง่ายๆ กัน

ฝ้าคือ

ฝ้าเกิดขึ้นจากภาวะที่เซลล์สร้างเม็ดสี “เมลานิน (Melanin)” ใต้ผิวหนังทำงานหนักมากขึ้น จึงสร้างเม็ดสีออกมามากกว่าปกติ มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้มหรือสีเทาจนถึงดำ มักพบบ่อยบริเวณผิวที่สัมผัสแดดโดยตรง ได้แก่ หน้าผาก โหนกแก้มทั้งสองข้าง เหนือริมฝีปาก และคาง โดยสาเหตุของการเกิดฝ้านั้นประกอบด้วย

  • พันธุ์กรรม พบว่าคนที่สมาชิกในครอบครัวมีฝ้าก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่ทำให้เม็ดสีทำงานมากเกินไป รวมถึงยังพบว่าเพศหญิงมีโอกาสเกิดฝ้าได้มากกว่าเพศอื่นอีกด้วย
  • ฮอร์โมน ในคนที่ฮอร์โมนไม่สมดุล อยู่ในวัยหมดประจำเดือน หรือผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มีโอกาสที่จะเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากสภาวะเหล่านี้จะส่งผลให้เซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกติจนเกิดฝ้าในท้ายที่สุด
  • แสงแดด รังสี UVA, UVB สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้า เนื่องจากรังสีเหล่านี้จะกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ให้มีการผลิตเซลล์เม็ดสีเมลานินมากขึ้นผิดปกติจนเกิดเป็นฝ้า รวมถึงรังสี UV ยังเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวไหม้แดดและอักเสบได้ อีกทั้งการโดนแสงแดดในปริมาณมากยังสามารถพัฒนาเป็นมะเร็งผิวหนังในอนาคต
  • ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดที่ส่งผลให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนที่ทำให้เร่งการผลิตเม็ดสีและเกิดฝ้าได้

 

pexels maggie zhan 1698482

ชนิดของฝ้า

  • ฝ้าแดด คือ ฝ้าที่เกิดขึ้นจากรังสียูวีเอและยูวีบี กระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีใต้ผิวหนังผลิตตัว ทำให้ผิวแลดูหมองคล้ำ ซึ่งนอกจากแสงแดดเป็นสาเหตุแล้ว อุปกรณ์จอคอมพิวเตอร์ หลอดไฟ สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้เม็ดสีผิวเข้มขึ้นได้
  • ฝ้าเลือด มีลักษณะปื้นสีแดง เกิดจากระบบเลือดลมและฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ รวมถึงการใช้ยาบางประเภท จนส่งผลให้เห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน เมื่อโดนความร้อนหรือแสงแดดก็จะส่งผลให้สีแดงเข้มขึ้น
  • ฝ้าตื้น เกิดจากเม็ดสีที่ลำเลียงอยู่ผิวชั้นบนสุดหรือชั้นหนังกำพร้าจะมีสีเข้มและขอบชัด เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นได้ง่ายและรักษาได้ง่ายที่สุดเนื่องจากเกิดขึ้นที่บริเวณผิวชั้นบน
  • ฝ้าลึก คือ ฝ้าที่มีสีอ่อน สีน้ำตาล เทา หรือม่วง เห็นขอบไม่ชัดเจน เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังแท้ รักษาได้ยาก
  • ฝ้าแบบผสม คือ ฝ้าที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะผสมระหว่างฝ้าลึกและฝ้าตื้น มีลักษณะตรงกลางมีสีเข้มและส่วนขอบจะมีสีจางกว่า เพราะเกิดทั้งในระดับหนังกำพร้าและหนังแท้รวมกัน

ป้องกันฝ้าอย่างไรดี?

1.หลีกเลี่ยงแสงแดด

อย่างที่ได้กล่าวไป สาเหตุหลักๆ ของการเกิดฝ้าคือ รังสี UV จากแสงแดดซึ่งเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดสีจนเกิดฝ้าได้ง่าย ถึงแม้การรับแสงแดดตอนเช้าจะช่วยทำให้สังเคราะห์วิตามินดีได้ แต่ในช่วงระหว่างเวลา 10.00 – 16.00 น. ถือเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดแรงมากที่สุดและเป็นอันตรายมากที่สุด เพราะรังสี UV จะส่องลงมาและสามารถสะท้อนแสงกับพื้นผิวและวัตถุต่างๆ อีกทั้งความร้อนจากแดดยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังได้ ดังนั้นการป้องกันฝ้าแดดอย่างมีประสิทธิภาพ คือ ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00 – 16.00 น. หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งควรสวมใส่หมวกปีกกว้างหรือกางร่ม ตลอดจนเลือกชุดที่ปิดผิวมิดชิด ก็จะช่วยป้องกันฝ้าได้แล้ว

portrait young asian girl sun

2.การทาครีมกันแดด 

การทาครีมกันแดดเป็นอีกวิธีการที่ช่วยป้องกันแสงแดดและรังสี UV ได้ โดยเลือกครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 30 ขึ้นไปเพื่อป้องกันรังสี UVB และควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA++ ขึ้นไปเพื่อป้องกันผิวจากความหมองคล้ำจากรังสี UVA ซึ่งควรทาอย่างน้อย 15-30 นาทีก่อนออกแดด ส่วนปริมาณที่ควรทาบริเวณใบหน้าคือ 2 ข้อนิ้วพูนๆ ควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงหากออกแดดจัด

Grap seed sun protection Red02

สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์กันแดดป้องกันฝ้า ทางแบรนด์ก็มี Plantnery Grape Seed Sunscreen Cream SPF50 PA+++ ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากแสงแดด พร้อมช่วยลดปัญหาฝ้า ปรับผิวหน้าหมองคล้ำให้คงความกระจ่างใส บำรุงผิวด้วยคุณค่าจากสารบำรุง

3.เลือกรับประทานอาหาร

ทางเลือกในการดูแลผิวจากภายในผ่านการทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซีซึ่งจะช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ เพิ่มความแข็งแรงให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ป้องกันการเกิดจุดด่างดำ สารแอนโธไซยานินในผลไม้ตระกลูเบอร์รี่ที่ช่วยป้องกันการเกิดฝ้า สารแอสตาแซนธินที่เป็นแคโรทีนอยด์ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพผิวจากแสงแดดและลดการอักเสบของผิวหนัง หรือวิตามินอี ที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว และรักษาความเสียหายของผิว สร้างเซลล์ผิวใหม่และลดเลือนฝ้าได้

4.เลือกสกินแคร์ที่ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ 

การทาสกินแคร์ที่ลดเลือนฝ้ากระและจุดด่างดำสามารถป้องกันฝ้าได้ เนื่องจากสกินแคร์เหล่านั้นจะมีสารสกัดที่ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส การลดเม็ดสีเมลานิน การปรับผิวให้ดูกระจ่างใส ตลอดจนการลดการอักเสบของผิว ซึ่งถือว่าป้องกันการเกิดฝ้าได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งยังช่วยให้สีผิวที่แลดูไม่สม่ำเสมอกลับมาสว่างเท่าๆ กัน โดยผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้เพื่อป้องกันฝ้าได้อย่างปลอดภัยของ Plantnery ก็คือ Plantnery Grape Seed Serum เซรั่มลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งสารสกัดเมล็ดองุ่นเป็นสารสกัดที่มีงานวิจัยรองรับมากมายว่ามีคุณสมบัติช่วยลดเม็ดสี ฝ้ากระได้จริง ยับยั้งการสร้างเม็ดสีและผลิตเม็ดสี ปรับสภาพผิวให้สมดุล

Plantnery Grape Seed Anti Melasma Intense Serum 30 ml

หวังว่าทุกคนคงเข้าใจแล้วว่า ฝ้าคืออะไร ชนิดของฝ้ามีอะไรบ้าง รวมถึงวิธีการดูแล ป้องกัน และลดเลือนฝ้าให้ดีขึ้น ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ที่แนะนำไป เรายังมีผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Plantnery Grape Seed Sleeping Mask สลีปปิ้งมาส์ก ช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ บำรุงล้ำลึกข้ามคืนใช้ทาที่บริเวณใบหน้าและลำคอเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนนอน หรือจะเป็น Plantnery Pomegranate Facial Cleanser จลล้างหน้า จากสารสกัดทับทิม ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดจุดด่างดำ สร้างเซลล์ผิวใหม่ให้นุ่ม ชุ่มชื่น กระชับรูขุมขน ใครที่สนใจสามารถเลือกดูผลิตภัณฑ์ของเราเพิ่มเติมได้ที่นี่

สนใจสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ Plantnery

เว็บไซต์: https://plantnery.com/products/

Lazada: https://www.lazada.co.th/shop/plantnery

Shopee: https://shopee.co.th/plantnery

แพลนท์เนอรี่ ใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ตรวจสอบและทำความเข้าใจ นโยบายคุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว หากคุณไม่ปฏิเสธและดำเนินการต่อโดยการคลิกปุ่ม

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า